7 ประโยคที่คนประสบความสำเร็จเขาไม่พูดกัน
ขอบคุณมากมายครับ
ใครๆ ก็อยากประสบความสำเร็จกัน
แต่รู้กันหรือไม่ครับว่าวิธีการพูดของคุณซึ่งจะสะท้อนและปลูกฝังวิธีคิดของ
คุณก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้คุณไปไม่ถึงฝั่งฝันเอาได้เหมือนกัน
นอกจากนี้แล้วคำพูดดังกล่าวอาจจะไปกระทบกับหน้าที่การงานของคุณโดยไม่รู้ตัว
อีกต่างหาก
วันก่อนผมได้ไปอ่านเจอโพสต์ของ
Ilya Pozin บน LinkedIn
ซึ่งหยิบเอาเรื่องคำพูดที่คุณไม่ควรพูด
เนื้อหาค่อนข้างน่าสนใจมากเลยขอหยิบเอามาเล่าสู่กันฟังหน่อยแล้วกันนะครับ
ว่า 7 ประโยคที่คุณควรเลิกพูด (หรืออย่างน้อยก็คิดก่อนเสียหน่อย)
คืออะไรบ้าง
1. นั่นไม่อยู่ในหน้าที่ของฉัน
โดยปรกติแล้ว เมื่อคุณเข้าทำงาน
คุณก็จะมีภาพที่ค่อนข้างชัดว่าคุณทำหน้าที่อะไร ต้องรับงานอะไรบ้าง
อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณทำงานไปเรื่อยๆ และหน้าที่การงานของคุณก็ขยับขยายตาม
มันก็ย่อมมีความเปลี่ยนแปลงในเรื่องหน้าที่ความรับผิดชอบและการคาดหวังที่
ตามมา รวมไปถึงหลายๆ ครั้งที่หัวหน้าของคุณจะเริ่มโยนงานใหม่ๆ ให้กับคุณ
ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจจะทำให้บางคนไม่พอใจกับการเปลี่ยนแปลงนี้และใช้ประโยค
ข้างต้นในการระบายออกมา
วิธีการที่ดีคือการของการรับมือสถานการณ์นี้คือการนัดคุยกับหัวหน้าของ
คุณเกี่ยวกับบทบาทและหน้าที่ของคุณให้ชัดเจนว่ามีการปรับเปลี่ยนหรือคาดหวัง
เพิ่มเติมอย่างไร
ซึ่งการพูดอย่างเป็นทางการนี้ดีกว่าการที่คุณจะใช้เป็นข้ออ้างในการไม่รับ
งานเมื่อถูกมอบหมาย
เพราะการพูดประโยคนี้มีแต่ทำให้คุณดูขี้เกียจหรือไม่มีความมุ่งมั่นในการทำ
งานเท่านั้น
2. มันทำไม่ได้หรอก
การบอกยอมแพ้มันทำให้คุณดูเป็นพวกประเภทชอบยอมแพ้
และคนเหล่านี้มักไม่ได้รับการโปรโมตเท่าไรในองค์กรหรอกครับ
ฉะนั้นแทนที่จะยอมแพ้ (แต่ต้น)
ลองพยายามหาวิธีการตอบเพื่อชี้แจงหรือหาวิธีอื่นในการทำให้งานสำเร็จ
จริงอยู่ว่าปัญหาหลายอย่างนั้นอยู่ในระดับยากชนิดเป็นไปไม่ได้
แต่ผู้บริหารและหัวหน้าของคุณอยากได้การเสนอแนะหรือแนวคิดที่จะทำให้มัน
สำเร็จมากกว่าการบอกว่า “ไม่” อย่างเดียว
ซึ่งถ้าคุณพยายามมองหาวิธีการแก้ปัญหา
คุณก็จะกลายเป็นคนที่มีค่าในองค์กรไปโดยปริยาย
3. มันไม่ใช่ความผิดของฉัน
ไม่มีใครอยากทำงานกับคนที่โยนความผิดให้กับคนอื่นหรอกครับ
การยอมรับความผิดแทนที่จะชี้ไปยังผู้อื่นนั้นทำให้คนอื่นมองคุณในแง่บวก
นอกจากนี้การยอมรับความผิดพลาดของตัวเองเป็นคุณสมบัติให้คุณเรียนรู้และโต
ขึ้นจากปัญหาดังกล่าว
การโทษคนอื่นคือการที่บอกว่าคุณไม่เคยคิดจะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เลยต่างหาก
4. นี่จะใช้เวลาแป๊ปเดียวเท่านั้น
ถ้างานของคุณมันไม่ได้เสร็จแบบ “แป๊ปเดียว” จริง
คุณก็ไม่มีเหตุผลที่จะไปสัญญาแบบเกินจริงอะไร แถมในหลายๆ ครั้งนั้น
การพูดว่า “แป๊ปเดียว” จะกลายเป็นการทำให้ดูเหมือนว่างานของคุณไม่มีคุณภาพ
ดูรีบทำ รวมไปถึงการที่คุณไม่ได้แสดงให้เห็นถึง “คุณค่า”
ของงานที่คุณจะทำอีกต่างหาก
5. ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร
การเป็นประเภทลุยเดี่ยวฉายเดี่ยวคงไม่ใช่เรื่องดีเสียเท่าไร
(เว้นแต่บริษัทของคุณมีคนเดียวน่ะนะ)
การทำงานร่วมกับผู้อื่นให้ได้เป็นหนึ่งในคุณสมบัติจำเป็นของผู้นำที่ดี
การลุยเดี่ยวคนเดียวอาจจะทำให้คุณคิดว่าคุณเก่งและเหนือกว่าคนอื่นจริง
แต่คนอื่นอาจจะไม่ได้มองแบบนั้น
แถมมันยังทำให้คนรอบข้างคุณรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้เป็นที่ต้องการของคุณอีก
ด้วย (แล้วเขาจะทำงานไปทำไมล่ะ?)
6. มันไม่ยุติธรรม
ชีวิตเรามันไม่ยุติธรรมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว (เอาจริงๆ
คือไม่มีอะไรในโลกที่ยุติธรรม “จริงๆ” หรอกนะฮะ)
การเอาแต่บอกว่ามันไม่แฟร์มันไม่ได้ช่วยให้ชีวิตของคุณดีขึ้นเสียเท่าไรเช่น
เดียวกับการงานของคุณ
แทนที่คุณจะเสียเวลาไปกับการพูดว่ามันไม่แฟร์หรือหมกมุ่นตัวเองแบบนั้น
คงจะดีเสียกว่าถ้าคุณทำงานให้หนักขึ้นและหาวิธีสร้างโอกาสให้ตัวคุณเอง
7. เราทำแบบนี้กันมาเสมอ
การทำงานประเภท “ทำต่อๆ กันมา” หรือ “เขาว่ากันมาอย่างนั้น”
เป็นวิธีการที่ทำให้ธุรกิจไม่ได้ก้าวหน้าไปไหน
แถมอาจจะถึงขึ้นวิกฤตเอาได้ง่ายๆ
สิ่งที่จำเป็นคือการเรียนรู้สถานการณ์รอบข้าง ปรับตัว
และหาวิธีที่จะอยู่รอดให้ได้คือรู้ที่จะปรับตัวอยู่เสมอ
ฉะนั้นอย่าให้ความคิดของคุณจมอยู่กับวิธีเดิมๆ โดยไม่ยอมเรียนรู้อะไรใหม่ๆ
เลยครับ
parents with new born babies looking forward for naming their kid can visit this http://www.babynology.com/ site which provide adorable name for the kids
ตอบลบ