วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

โมเดล หัวลากพร้อมหางเลี้ยวได้ Miniature Construction World - Title

copy from
http://www.miniature-construction-world.co.uk/faymonville-telemax.html


 

Home
Latest News
Latest Reviews
Model Galleries by Manufacturer
Model Galleries by Manufacturer
Promotional Models Gallery
Promotional Models Gallery
Truck Models Gallery
Historic Models Gallery
Agriculture Models
Model Galleries by Type
Visit the Sword Precision Scale Models - Model Reviews Site
Visit the TWH Collectibles Model Review Site
Where to Buy
Publications
Editorials
External Links
Shows/Exhibitions
Contact
Classified Ads
Update History

MAN TGX XLX Tractor with Faymonville Telemax Trailer

Faymonville Telemax Trailer
Presented here is the 1:50th scale Faymonville Telemax telescopically extending flat-bed, step-frame semi-trailer with MAN TGX tractor from Conrad. Painted in the Faymonville house colours, the model is surprisingly heavy with plenty of detailing, as expected from a Conrad model.
Faymonville Telemax Trailer
The four axle chassis is simplistic and yet fully functional with a patterned deck with panel detailing visible along with small rectangular holes where the supplied metal rods can be inserted. The holes are a little large with some of the poles loose fitting but this can be fixed with a little blu-tack.
Faymonville Telemax Trailer
The axles are each mounted to a pivoting arm which In turn connects to a rotating turn-table allowing all four axles to simulate the steering mechanism found on the full sized trailer. This works well achieving a good range of steering movement, powered by hydraulic cylinders connected to the rear most axle.
Faymonville Telemax Trailer
The main trailer structure is composed of the telescopic beams which slide out smoothly and lock into position when fully extended. The maximum length of the trailer is impressive, measuring in at 930mm extended and 342mm retracted.
Faymonville Telemax Trailer
Faymonville Telemax Trailer
The rear frame houses light clusters with painted lenses, a black painted lower section with the faymonville website details and a warning sign.
Faymonville Telemax Trailer
The frame also has integrated holders for the sliding warning signs which can be extended (as pictured above) and retracted (pictured above left)
A similar mechanism is integrated into the front neck which also holds extending warning signs with a red and white printed chevron pattern.
The underside of the trailer has plenty of structural detailing including a curious single, hydraulically operated stabiliser leg which is presumably for keeping the trailer steady during loading.
The front stabiliser legs are plastic and can be extended to keep the trailer level when not connected to the tractor.
Faymonville Telemax Trailer
Faymonville Telemax Trailer
Faymonville Telemax Trailer
The rear of the trailer has an access ladder leading up to the deck which has recessed channels along the sides of the trailer with cast tie-down rings.
Faymonville Telemax Trailer
The safety railings on the underside of the trailer are made from metal with integrated, non-functional storage compartments complete with embossed Faymonville logos on each side, topped with a spare wheel holder.
The trailer is supplied with a 3-axle MAN tractor finished in the same red colours. Self fit mirrors and radio aerials need fitting to the cab frame which is typical of a Conrad, as is the steering front axle with a very good degree of movement.
Faymonville Telemax Trailer
The tyres have good tread pattern definition with red and silver hubs, covered with plastic guards which have fixing bar detailing and integrated light housings with tinted lenses. A large chromed fuel tank with integrated access steps and a diamond plate walkway are added, complete with safety grab rail for added realism. This is a great release and the first in a range of new Faymonville trailer replicas from Conrad.
Faymonville Telemax Trailer

Copyright © 1999-2012 Miniature Construction World. All rights reserved.
A world of Diecast Models. This page was last modified: 05/20/2012 01:39:56

ขั้น ตอนการลอกฟิล์มเก่า

copy from  http://www.miata-thai.net/index.php?topic=241.0












เสียหายได้

ความหมายของการเรียกเปอร์เซ็นต์ฟิล์มติดรถยนต์ในท้อง ตลาด ฟิล์ม 40, 60, และ 80
คำว่า 40, 60 ,80 เป็นภาษาโดยทั่วไปที่มักใช้เรียกตามระดับความเข้มของฟิล์ม โดยไม่มีหลักเกณฑ์ที่แน่นอนในการวัด แต่พอจะอธิบายการเรียกรหัสฟิล์มลามิน่าให้ใกล้เคียงกับคำว่า 40,60 และ 80 ได้ดังนี้
ฟิล์ม 40% หมายถึงฟิล์มใส ที่มีค่าของแสงส่องผ่านได้ประมาณ 35% ขึ้นไป ซึ่งหากเป็นรหัสฟิล์มของลามิน่าจะเป็นรหัสฟิล์มเบอร์ 35 ขึ้นไป เช่น APL35N, POP35N, APL45NX, L80BLฯลฯ
ฟิล์ม 60% หมายถึงฟิล์มเข้ม ที่มีค่าของแส่งส่องผ่านได้ประมาณ 20% ซึ่งหากเป็นรหัสฟิล์มของลามิน่าจะเป็นรหัสฟิล์มเบอร์ 20 เช่น ANL20N, ARL20C, ARL20BX, L20N, POP20N ฯลฯ
ฟิล์ม 80% หมายถึงฟิล์มเข้มที่สุดที่มีค่าของแส่งส่องผ่านได้ประมาณ 5% ซึ่งหากเป็นรหัสฟิล์มของลามิน่าจะเป็นรหัสฟิล์มเบอร์ 05 เช่น ARL05C, ANL05N, POP05C, L05 Digital CTX ฯลฯ
ดังนั้นหากท่านต้องการติดฟิล์มแนะ นำให้ดูรหัสฟิล์มสีฟิล์มจากทางร้าน และสั่งกับทางผู้ติดตั้งตามรหัสฟิล์มที่ระบุในตัวอย่างฟิล์ม เนื่องจากลามิน่ามีฟิล์มให้เลือกถึง 5 Series 43
รุ่น และเพื่อเป็นการป้องกันการสับสนระหว่างเจ้าของรถกับทางผู้ติดตั้ง

อาจจะยาวหน่อยนะครับ  แต่ DIY เอาประหยัด + เวลาว่างๆ




    ก่อนอื่นต้องเตรียมเครื่องมือเครื่องไม้อันประกอบไปด้วย "กระบอกฉีดน้ำ" ถ้า ไม่มีก็ต้องสละเงิน 20 บาทซื้อติดบ้านเอาไว้ เครื่องมือชิ้นที่ 2 เป็น "ใบมีด" อย่างใบมีด โกนหนวด
ที่ช่างตัดผมเขากันนั่นแหละครับ ลักษณะเป็นใบสั้น ๆ ไม่มีด้าม มีแต่ใบมีด กับที่หุ้มใบด้านหนึ่งเอา
ว้จับเท่านั้น หรือถ้ากลัวมีดบาทมือ จะใช้มีดคัตเตอร์เล่มละ 10 บาท ก็ได้เช่นกัน
เริ่มกระบวนการลอกฟิล์ม ด้วยการหาที่จอดรถเหมาะ ๆ ที่ควรจะอยู่ ในที่ร่ม มีแสงสว่างพอสมควร
ไม่ควรทำงานกลางแจ้งโดยเด็ดขาด เพราะเดี๋ยวเดียว ไม่เกินเที่ยงก็จะลมจับอยู่ในรถนั่นแหละ
เปิดประตูรถทุกบาน เพื่อให้สามารถระบาย อากาศภายในห้องโดยสาร ออกไปได้อย่างสะดวก ๆ 
ถ้าไม่นับน้ำยาลอกกาวแล้วเครื่องมือทั้งหมดนี้ก็ใช้เงินไม่กี่บาทเองครับ
    เอาน้ำผสมกับแชมพูสระผมหรือน้ำยาล้างกระจกแบบไม่ต้องเข้มข้นมากนักเอาแค่พอ
มีฟองใส่กระบอกฉีดน้ำเตรียมไว้  แล้วใช้ใบมีดโกน "สะกิด"
ที่ขอบหรือมุมของฟิล์มให้เผยอขึ้นเล็กน้อยพอให้จับได้ จากนั้นก็ค่อย ๆ
ดึงฟิล์มเก่าออกมาพร้อมกับใช้น้ำผสมแชมพูที่เตรียมไว้ค่อย ๆ ฉีดตามหลังไปเรื่อย ๆ
แต่บางครั้งมันก็จะตึง ๆ เสียงดัง น่ากลัวขาด แต่ไม่ต้องกลัวขาด แต่ไม่ต้องกลัวหรอกเพราะเราตั้งใจ
จะทิ้งอยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ


    ดึงเอาฟิล์มออกได้จนสุดในระหว่างนั้นก็ต้องคอยฉีดน้ำผสม แชมพู เลี้ยงเอา ไว้ตลอดเวลา (แต่อย่าให้ชุ่มจนโชกก็แล้วกัน)
งานช่วงนี้หาก ฟิล์มกรองแสง ที่คุณใช้อยู่เป็นของดีมีคุณภาพ เวลาลอกออกจะแสนง่ายดาย
เพราะเนื้อกาว มันจะติดอยู่กับแผ่นฟิล์ม เวลาลอกกาวก็จะตาม เนื้อฟิล์มออกมาหมด
ไม่มีเหลือ ทิ้งค้างไว้ที่กระจกเลย หลังจากลอกเสร็จแล้ว ก็จะไม่พบคราบ กาวเหนียว ๆ ติดค้างอยู่ที่กระจก
 แต่ถ้าหากฟิล์มที่คุณ กำลังลอก อยู่นั้นเป็น ฟิล์มคุณภาพต่ำ ก็คงจะหนีไม่พ้นต้องพบกับเรื่องเหนียว ๆ
เพราะเนื้อกาว มันยัง คงติดแน่น อยู่กับกระจกเช่นเดิม แต่ฟิล์มที่คุณดึงมันออกมา จะเป็นเพียงแค่
 "กระดาษแก้ว" สีม่วง เท่านั้นเองแถมระหว่างที่กำลังลอกอยู่นั้น ยังมีกลิ่นเหม็น เปรี้ยวร้ายกาจ
อันเกิดจากกาวอีกด้วย


    ก็ยังมีเครื่องมือพิเศษ มาให้เล่นอีกนั่นคือ "น้ำมันสน"
ให้ไปที่ร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างซื้อมาหนึ่งขวดแล้วใช้ผ้าชุบพอหมาด ๆ ค่อย ๆ
เช็ดเอาคราบกาวออก แต่บอกเอาไว้ก่อนว่า ผลที่จะตามมาจากการใช้น้ำมันสนมีอยู่บ้าง คือ "กลิ่น"
เนื่องจากน้ำมันสน จะมีกลิ่น แรงพอสมควร ทั้งยังจะหลงเหลือติดตามซอกกระจกทิ้งกลิ่นเอาไว้ให้
ดมเล่นกันเป็นสัปดาห์ก็ ยังไม่หมด ถ้าทำไม่ดีก็จะมีหยด ตกค้าง  
อย่าลืมเอากระดาษหนังสือพิมพ์ปูด้วยนะครับ  +1 ให้แหน่เด้อ

diy......ง่ายสุดครับ...สะกิดขอบ..ดึง..ตามความเห็นข้างบน...
น้ำเปล่า สเปรย์...มีดโกนวางเฉียง...ขูด...เกลี้ยง...

จริงๆตอนติด...ผมติดเอง ด้วย...ไปนั่งดูร้านทำมาสองคัน...คันที่สามซื้อฟิล์มมาติดเอง..
หนึ่ง ม้วน...ร้อยตารางฟุต....สามพัน...ติดกระบะหนึ่งคัน...ใช้ไปไม่ถึงแปดตาราง ฟุต..

ต้นทุน..สองร้อยสี่สิบ..ที่เหลือ...ค่าฝีมือครับ...เพราะร้าน เค้าคิด..แปดร้อย..

แต่ฝีมือไม่ดีเท่าร้านหรอก...มีฟองอากาศอยู่... กระจิ๊ดนึง..มุมๆ..ไม่เพ่ง..ไม่เห็น...

เหลือฟิล์มบาน...ไล่ติดกระจก มันทุกบานรอบบ้าน..ยังไม่หมดเลย..




พอดีผมกำลังหาวิธีลอกฟิล์มเก่าออกคับ เลยเอามาฝาก

ใช้ใบมีดสแตนเลสลอกฟิล์ม โดยเริ่มลอกจากมุมเป็นอันดับแรก

- ดึงบริเวณมุมของฟิล์มที่ได้เปิดมุมไว้แล้ว
- ค่อยๆ ดึงฟิล์มออกมา

*** ข้อควรระวัง ***
อย่าลอกฟิล์มออกมาโดย แรง เพราะจะทำให้มีคราบกาวติดบนกระจกรถ


ทำความสะอาดกระจก - 1
- ผสมแชมพูและน้ำเปล่าลงในกระบอกฉีดน้ำ
- ใช้กระบอกฉีดน้ำ ฉีด ให้ทั่วบริเวณกระจกภายใน 


ทำความสะอาดกระจก - 2
 - ใช้ใบมีดแสตนเลสขูดกาวและเศษฝุ่นที่ติดอยู่บริเวณกระจกออกให้หมด
- ใช้ทิชชู/ ผ้าสะอาดเช็ดคราบน้ำยาแชมพูและเศษกาวออก

*** ข้อควรระวัง ***
การลอกฟิล์มกรองแสงบริเวณกระจกบังลมหน้า และกระจกบังลมหลัง ต้องใช้ผ้ารองบริเวณคอนโซลหน้า และแผงลำโพงด้านหลัง เพื่อป้องกันน้ำ เข้าไปในชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่าง ๆ และอาจทำให้เกิดความเสียหายได้

***อันนี้เป็นอีกบทความครับ


การลอกฟิล์มนั้นสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ใช้เวลาไม่นาน วันหยุดว่าง ๆ ก็สามารถลงมือทำได้ด้วยตัวเอง สำหรับเจ้าของรถ ที่คิด ว่าอยากจะ "เปลี่ยนฟิล์มเก่า" ที่เน่าแล้ว หรือท่านที่ต้องการจะติดฟิล์มใหม่ (ให้กับรถเก่า) แต่ติดขัดที่เจ้าของ ร้านประดับยนต์ มักจะทำ เล่นตัวไม่ยอมลอกกันจริง ๆ จะต้องเสียค่าบริการ "แพง" หลายร้อย บางเจ้าก็มีข้อแม้ว่า ลอกให้น่ะได้แต่ต้องติดของใหม่ที่นี่ด้วย  ถ้าเจอ อย่างนี้กลับมาเตรียมตัวลงมือเองดีกว่าครับ เป็นทางออกทางหนึ่งที่สามารถทำได้โดยไม่ยากนัก
ก่อนอื่นต้องเตรียม เครื่องมือเครื่องไม้อันประกอบไปด้วย "กระบอกฉีดน้ำ" ถ้า ไม่มีก็ต้องสละเงิน 20 บาทซื้อติดบ้านเอาไว้ เครื่องมือชิ้นที่ 2 เป็น "ใบมีด" อย่างใบมีด โกนหนวด ที่ช่างตัดผมเขากันนั่นแหละครับ ลักษณะเป็นใบสั้น ๆ ไม่มีด้าม มีแต่ใบมีด กับที่หุ้มใบด้านหนึ่งเอาไว้จับเท่านั้น หรือถ้ากลัวมีดบาทมือ จะใช้มีดคัตเตอร์เล่มละ 10 บาท ก็ได้เช่นกัน เริ่มกระบวนการลอกฟิล์ม ด้วยการหาที่จอดรถเหมาะ ๆ ที่ควรจะอยู่ ในที่ร่ม มีแสงสว่างพอสมควร ไม่ควรทำงานกลางแจ้งโดยเด็ดขาด เพราะเดี๋ยวเดียว ไม่เกินเที่ยงก็จะลมจับอยู่ในรถนั่นแหละ เปิดประตูรถทุกบาน เพื่อให้สามารถระบาย อากาศภายในห้องโดยสาร ออกไปได้อย่างสะดวก ๆ
           ถ้าไม่นับน้ำยาลอกกาวแล้วเครื่องมือทั้งหมดนี้ก็ใช้เงินไม่กี่บาทเองครับ
      เอาน้ำผสมกับแชมพูสระผมหรือน้ำยาล้างกระจกแบบไม่ต้องเข้มข้นมากนักเอาแค่พอ มีฟองใส่กระบอกฉแแดน้ำเตรียมไว้ เลือกให้ ดีว่าจะลอกฟิล์ม จากกระจกบานไหนก่อน แต่อยากให้เลือกบานหน้าขวา เพราะจะได้มีความตั้งใจเป็นพิเศษในการทำงาน จากนั้น  ให้เลื่อน กระจกลงมานิดหนึ่ง พอให้เห็นเนื้อฟิล์ม แล้วใช้ใบมีดโกน "สะกิด"ที่ขอบหรือมุมของฟิล์มให้เผยอขึ้นเล็กน้อยพอให้จับได้ จากนั้นก็ค่อย ๆ ดึงฟิล์มเก่าออกมาพร้อมกับใช้น้ำผสมแชมพูที่เตรียมไว้ค่อย ๆ ฉีดตามหลังไปเรื่อย ๆ แต่บางครั้งมันก็จะตึง ๆ เสียงดัง น่ากลัวขาด แต่ไม่ต้องกลัวขาด แต่ไม่ต้องกลัวหรอกเพราะเราตั้งใจจะทิ้งอยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ
           พอดึงออกมาได้สักครึ่งบานก็ให้เลื่อนกระจกขึ้นให้สุดจะทำให้สามารถ ดึงเอาฟิล์มออกได้จนสุดในระหว่างนั้นก็ต้องคอยฉีดน้ำผสม แชมพู เลี้ยงเอา ไว้ตลอดเวลา (แต่อย่าให้ชุ่มจนโชกก็แล้วกัน) งานช่วงนี้หาก ฟิล์มกรองแสง ที่คุณใช้อยู่เป็นของดีมีคุณภาพ เวลาลอกออกจะแสนง่ายดาย เพราะเนื้อกาว มันจะติดอยู่กับแผ่นฟิล์ม เวลาลอกกาวก็จะตาม เนื้อฟิล์มออกมาหมด ไม่มีเหลือ ทิ้งค้างไว้ที่กระจกเลย หลังจากลอกเสร็จแล้ว ก็จะไม่พบคราบ กาวเหนียว ๆ ติดค้างอยู่ที่กระจก แต่ถ้าหากฟิล์มที่คุณ กำลังลอก อยู่นั้นเป็น ฟิล์มคุณภาพต่ำ ก็คงจะหนีไม่พ้นต้องพบกับเรื่องเหนียว ๆ เพราะเนื้อกาว มันยัง คงติดแน่น อยู่กับกระจกเช่นเดิม แต่ฟิล์มที่คุณดึงมันออกมา จะเป็นเพียงแค่ "กระดาษแก้ว" สีม่วง เท่านั้นเองแถมระหว่างที่กำลังลอกอยู่นั้น ยังมีกลิ่นเหม็น เปรี้ยวร้ายกาจ อันเกิดจากกาวอีกด้วย
 นี่แหละสาเหตุที่บอกว่าจะต้องเปิดประตูเอาไว้ทุก บานเพื่อจะได้ระบายกลิ่นเหม็นออกไป จากนั้น ก็มาถึงงานกำจัดคราบกาว ที่ยังยึดแน่นอยู่กับผิวกระจกให้ใช้น้ำผสมแชมพูฉีดไปบนผิวกาวอีกครั้งหนึ่ง เสร็จแล้วให้ใช้ใบ มีดโกนที่เตรียมไว้แล้ว มาขูดออก (ระหว่างทำงานต้องระวังเรื่องความปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง มิฉะนั้นอาจโดนมีดบาด ) ขณะที่ขูดคราบกาวบนกระจกเศษ ๆ กาวที่หลุด ออกมาจะเหมือนกับ "วุ้น" สีขาวขุ่น ๆ เวลาขูดให้เริ่มต้นจากทางด้านใดด้านหนึ่ง แล้วค่อย ๆ ขยายพื้นที่ออกได้แล้วก็ค่อย ๆ สำรวจ ความเรียบร้อยอีกครั้งหนึ่ง
แต่ ห้ามเด็ดขาดเลยคือ ไม่ให้ใช้ผ้าเช็ดกระจกในขณะที่ยังมีคราบกาว ติดอยู่ เพราะจะทำให้คราบกาวยิ่งกระจายออกไป ทำงานยากขึ้นไปอีก ทีนี้เศษ กาวที่หลุดออกมานั้น หากหล่นลงพื้นไปเลย ก็ไม่เป็นไร เก็บไว้กำจัดทีหลังได้ แต่ถ้าหากมันหล่น ลงบนเบาะ ที่นั่งหรือภายในห้องโดยสาร ก็ให้จัดการทันที หลังจากที่ขูดคราบกาวออกจากกระจกแล้ว เนื่องจากว่าหากปล่อยทิ้งเอาไว้ คราบกาวเหล่านั้นมันจะกลับคืนสภาพเดิม คือ เหนียว ๆ แล้วจะกำจัดได้อยาก
เหลือ บ่ากว่าแรงก็อย่าทำ
           การลอกฟิล์มกรองแสงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย แถมยังติดสนุก ๆ เอาเสียอีก เผลอ ๆ ไปทำงานยังรับงานลอกฟิล์มให้รถเพื่อน ๆ ได้อีกด้วย แต่อย่าลืมว่าเรายังมีกระจกบานหลัง อยู่อีกทั้งบาน ที่ยังมีฟิล์มติดอยู่ และพื้นที่ก็ไม่เอื้ออำนวยต่อการทำงานสักเท่าไร เนื่องจาก มุมและตำแหน่งของเบาะนั่งมันบังคับเอาไว้ ดังนั้นเพื่อความสะดวกจึงควรหากระดาษหนังสือพิมพ์เก่า ๆ มาปูรองพื้นเอาไว้ เผื่อเวลาเก็บทำความสะอาดเศษกาวและน้ำจะได้ทำได้สะดวกง่ายดาย กรรมวิธีการลอกก็ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย เพียงแค่ดึง ๆ ฉีด ๆ แล้วก็ขูด ๆ เท่านั้น
  แต่สิ่งที่จะก่อปัญหาให้มากที่สุดคือรถที่ติดตั้ง "ลวดละลายฝ้า" ที่กระจก หลัง เพราะเราไม่สามารถ จะใช้มีดโกนขูดกาวออกได้เลย รวมทั้งเวลาดึงฟิล์ม ก็ต้องเพิ่ม ความระมัดระวังให้มากขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อป้องกัน ความเสียหาย ที่เกิด ขึ้นกับเส้นลวดละลายฝ้าเหล่านั้น ในมื่อไม่อาจใช้ใบ มีดโกนได้ เช่นเดิม แล้ว สิ่งที่จะสามารถนำมาใช้ทดแทนกันได้ (เฉพาะกรณีนี้เท่านั้น) ก็คือ "ไม้โปร" ที่เราเคยใช้กันตอนสมัยเรียนนั่นแหละครับ เวลาขูดก็ให้ขูดตาม แนวนอน ห้ามขูดตัดเส้นลวดเด็ดขาด และถ้าหากไม่สามารถ กำจัดคราบกาว ให้หมดจดไป ได้อย่างสิ้นเชิง
    ก็ยังมีเครื่องมือพิเศษ มาให้เล่นอีกนั่นคือ "น้ำมันสน" ให้ไปที่ร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างซื้อมาหนึ่งขวดแล้วใช้ผ้าชุบพอหมาด ๆ ค่อย ๆ เช็ดเอาคราบกาวออก แต่บอกเอาไว้ก่อนว่า ผลที่จะตามมาจากการใช้น้ำมันสนมีอยู่บ้าง คือ "กลิ่น" เนื่องจากน้ำมันสน จะมีกลิ่น แรงพอสมควร ทั้งยังจะหลงเหลือติดตามซอกกระจกทิ้งกลิ่นเอาไว้ให้ดมเล่นกันเป็นสัปดาห์ก็ ยังไม่หมด ถ้าทำไม่ดีก็จะมีหยด ตกค้าง
อีกวิธีหนึ่งที่ต้องลงทุนแพงขึ้น คือ การใช้ "น้ำยาลอกกาว"ที่มีขายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป ราคาไม่แพงสักเท่าไร เพื่อเป็นการตัด ปัญหา เรื่องกลิ่น และคราบน้ำมันตกค้าง แต่จะขอเตือนไว้เสียก่อนว่า การใช้น้ำยาลอกกาวนั้นจะต้องใช้อย่างเดียวไปเลย ไม่ควรนำมา ใช้ร่วมกับน้ำ เพราะจะทำให้เกิดปัญหาตามมาจากคราบกาวที่ติดอยู่ได้โดยมันจะกลายสภาพเป็นกาว เหนียว ๆ ยากต่อการกำจัด ในภายหลัง
    การลอกฟิล์มคุณภาพต่ำ ๆ ออกนั้น นอกจากจะทำให้รถดูดี มองสะอาด ตายิ่งขึ้นแล้ว ยังทำให้คุณได้มีโอกาสทำตัวให้ถูกกฎหมายอีกด้วย อ้อ…ขอฝาก เอาไว้ซักเล็กน้อย ถ้าต้องการจะติดฟิล์มกรองแสงครั้งต่อไป ก็ขอให้ลอง ตรวจ สอบคุณภาพและค่า "แสงส่องผ่าน" ให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ เพราะ การ ติดฟิล์มมืด ๆ นอกจากเรื่องของแสงสว่างภายในห้องโดยสาร จะน้อยอย่าง เดียวแล้ว เวลาขับรถกลางคืนหรือยามฝนตกจะสร้างปัญหาให้คุณ มากกว่า การติดฟิล์มที่มีเปอร์เว็นต์แสงส่องผ่าน 40-50 % ความร้อนน่ะ ไม่เท่าไหร่ เพราะไม่ว่าสีจะเข้มหรือจางหากเป็นฟิล์มคุณภาพดี ๆ ก็สามารถกันความร้อน ได้ทั้งนั้น
           แต่ถ้าเป็นฟิล์มด้อยคุณภาพ แม้จะดำจนมืดสนิทก็ไม่สามารถจะกันความร้อนได้อย่างฟิล์มดี ๆ หรอกครับ เรื่องกฎหมายฟิล์ม กรองแสงจะออกมาเช่นไรก็อย่าไปสนใจมันเลยครับ เรามาเน้นเรื่องของทัศนวิสัย ในการขับรถกลางคืนกับเวลาฝนตกแค่นี้ผมก็ว่า คุ้มแล้วครับ

***ป๋มและเพื่อนสนิทที่นครปฐม ก็รับติดตั้งฟิล์มคับ....

แนะนำอีกนิดเพิ่มแล้วกัน 

ในกรณีกระจกบานหลังมีไล่ฝ้า ถ้าเป็นรถเก่าฟิล์มเก่าที่เสียแล้วคงต้องทำใจว่าเวลาดึงฟิล์มออกมาไล่ฝ้าคง ใช้ไม่ได้แล้ว ต้องขุดเศษฟิล์มเก่าออก การขุดน้ำจาทำให้ไล่ฝ้าเสียใป แต่เส้นยังคงมีเหมือนเดิม(แต่ใช้การบ่อได้แล้ว)

แต่ถ้าเป็นรถใหม่ หรือรถที่มีเสาวิทยุฝั่งในกระจกบานหลัง เวลาดึงออกจาไม่ใช้ใบมีดขุดออก จาใช้ผ้าชุบทินเนอร์เช็ดคาบกาวออกแทน แล้วรีบเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตาม แต่ไม่แน่ใจว่าทินเนอร์น่าจาเป็นทินเนอร์เฉพาะงานไม่ช่ายที่มีขายทั่วไป