วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ขยายพันธุ์กล้วยด้วยวิธี ผ่าหน่อกล้วย

 ที่มา https://www.facebook.com/agriculturemag/posts/755586227812306

ขอบคุณครับ *- *

 https://scontent-a-sin.xx.fbcdn.net/hphotos-prn2/v/t1.0-9/s720x720/10383658_755585907812338_5637566853083862853_n.jpg?oh=fd43408d1ab62f1c87c0c33a39f3b791&oe=5513914D

วันนี้ เกษตรกรก้าวหน้า ขอนำเสนอวิธีการ "ขยายพันธุ์กล้วยด้วยวิธี "ผ่าหน่อกล้วย" เพื่อเพิ่มผลผลิตกล้วย ให้ออกทันตามความต้องการของตลาด และประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยค่ะ
“กล้วย” เป็นผลไม้ที่คนไทยนิยมปลูก เพราะทั้ง ต้น ผล และปลีกล้วย ต่างนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะผลกล้วยที่ ให้คุณค่าทางอาหารอย่างมาก นอกจากจะรับประทานสดได้แล้วยังนิยมนำไปแปรรูปเป็นอาหารต่าง ๆ ได้อีกด้วย อาทิ กล้วยปิ้ง กล้วยเชื่อม กล้วยฉาบ กล้วยบวชชี และอื่นๆอีกมากมาย จึงทำให้เกษตรกรหลายท่านมองหาวิธีการขยายพันธุ์กล้วยด้วยวิธีใหม่ๆ เพื่อนำไปขยายพันธุ์ให้ทันตามที่ตลาดต้องการ
ในการขยายพันธุ์กล้วยเราสามารถทำได้หลากหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีก็จะให้จำนวนต้นพันธุ์ที่แตกต่างกัน อาทิ การนำหน่อกล้วยไปขยายพันธุ์ การขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การขยายพันธุ์ด้วยการผ่าหน่อกล้วย ในปัจจุบันการขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเป็นวิธีที่นิยมทำ กันมาก เพราะสามารถขยายพันธุ์จาก 1 ต้น ให้ได้ต้นพันธุ์กล้วยครั้งละมากๆ ในเวลาอันสั้น แต่หากพูดถึงขั้นตอนการทำนั้นก็ยุ่งยาก รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการผลิตก็สูงตามไปด้วย จึงทำให้ที่สวนเลือกใช้วิธีการ “ผ่าหน่อกล้วย” มากกว่าการเพราะเลี้ยงเนื้อเยื้อ เพราะในการผ่าหน่อกล้วยทำให้ได้ต้นพันธ์กล้วยมากกว่าหนึ่งต้น ประหยัดค่าใช้จ่าย และเกษตรกรทั่วไปก็ทำได้เช่นกัน ซึ่งอุปกรณ์และขั้นตอนมีดังนี้
อุปกรณ์คือ
1. หน่อกล้วยอายุประมาณ 3 เดือน
2. มีด , เขียง
3. ถุงดำขนาด4 ? 8นิ้ว
4. กะละมัง
5. ขี้เถ้าแกลบ
6. ยาฆ่าเชื้อรา
ขั้นตอนการทำ
1. นำหน่อกล้วยอายุประมาณ 3 เดือนขึ้นไปที่ยังไม่มีเครือกล้วยมาตัดลำต้น ตัดราก และตกแต่งเหง้าให้สวย
2. จากนั้นแบ่งเหง้าเป็น 2 ส่วน และนำแต่ละส่วนมาแบ่งเป็น 3 – 4 ชิ้น (แล้วแต่ขนาดของหน่อกล้วย) ขนาดชิ้นละประมาณ 2 นิ้ว ตกแต่งแต่ละชิ้นให้สวย และนำไปแช่ในน้ำยาฆ่าเชื้อราประมาณ 5 นาที
3. นำถุงดำขนาด 4 x 8 นิ้วมาใส่ขี้เถ้าแกลบให้ได้ ? ของถุงที่ เตรียมไว้ จากนั้นนำชิ้นกล้วยที่แช่น้ำยาฆ่าเชื้อราแล้ว ใส่ลงในถุงดำ โดยคว่ำส่วนเนื้อในลง กลบด้วยขี้เถาแกลบอีกครั้งและรดน้ำทุกเช้าเป็นเวลาประมาณ 45 วัน
เพียงเท่านี้ก็จะได้ต้นพันธุ์กล้วยที่แข็งแรงประมาณ 4 - 12 ต้น ให้ได้นำไปปลูกไว้รับประทาน
สำหรับเกษตรกรท่านใดสนใจพันธุ์กล้วยจากวิธีการผ่าหน่อ และ กล้วยจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อสามารถสอบถามติดต่อได้ที่ คุณ ภุมเรียง เทพทอง ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเกษตรกรจังหวัดสุพรรณบุรี หมู่12 ต.พลับพลาไชย อ. อู่ทอง จ. สุพรรณบุรี 72160 โทร 08-1018-2517


วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

จับ ไดร์เวอร์ที่แบ็คอัพไว้กลับมาใช้งานอีกครั้งหลังลง Windows ใหม่

เคดิต http://www.varietypc.net/web/backup-driver-before-install-windows/

ขอบคุณ ครับ  * *

 จับ ไดร์เวอร์ที่แบ็คอัพไว้กลับมาใช้งานอีกครั้งหลังลง Windows ใหม่

ท่านที่เป็นผู้ใช้งานมือใหม่และเพิ่งมีคอมพิวเตอร์ใช้งานหรือซื้อ คอมพิวเตอร์ใหม่เป็นเครื่องแรก แล้วให้ทางร้านลง Windows พร้อมโปรแกรมต่างๆและแผ่นไดร์เวอร์มาให้ บางครั้งทางร้านจะแบ็คอัพไดร์เวอร์ต่างๆมาให้ด้วย แต่ถ้าวันดีคืนดีเราทำแผ่นไดร์เวอร์ที่ได้มาหาย หรือทางร้านไม่ได้ให้แผ่นมาด้วย และต้องการลง Windows ใหม่ด้วยตนเอง โดยที่มีไดร์เวอร์ที่ได้ทำการแบ็คอัพเอาไว้อีกไดรว์อยู่ก่อนแล้ว เราจะรู้ได้อย่างไรว่าโฟลเดอร์ไหนเป็นไดร์เวอร์ของอะไรบ้าง และจะเอากลับมาใช้งานได้อย่างไร เรามาดูกันครับ
สำหรับขั้นตอนของการแบ็คอัพไดร์เวอร์เดิมเก็บไว้ก่อนลง Windows XP ใหม่ ท่านสามารถศึกษาได้จากลิงค์นี้ -> คลิก
Note. สำหรับบทความนี้จะอ้างอิงการแบ็คอัพไดร์เวอร์จากโปรแกรม Driver Genius Professional นะครับ ถ้าทางร้านที่ท่านซื้อคอมพิวเตอร์มา เขาได้แบ็คอัพไดร์เวอร์ไว้ในรูปแบบ Auto Installer Archive ไว้ ก็คงจะสะดวกอย่างมาก โดยในขั้นตอนของการเรียกใช้งาน Restore Driver ก็เพียงแค่ดับเบิลคลิกแล้ว Next -> Next จนจบก็เป็นอันเรียบร้อย แต่ถ้าทางร้านแบ็คอัพไว้ในรูปแบบ Default ล่ะ???
Note2. สำหรับท่านที่ใช้ Notebook จะมีไดร์เวอร์อื่นๆที่จำเป็นต้องใช้ในการอัพเดตแตกต่างกันออกไปอีกนะครับ เช่น Wireless, Webcam, ฯลฯ แต่ก็ศึกษาขั้นตอนอัพเดตไดร์เวอร์เบื้องต้นนี้ได้ด้วย
เรามาดูโฟลเดอร์ของไดร์เวอร์หลักๆที่ต้องใช้ในการเรียกใช้งาน Update Driver กัน
ไดร์เวอร์บางตัวอาจจะไม่เหมือนกันกับที่ท่านใช้งานอยู่เช่น VGA Card, Chipset, Sound, Lan แต่ก็สามารถศึกษาไว้เพื่อเป็นแนวทางในการอัพเดตไดร์เวอร์ได้เช่นเดียวกัน
78201
ขั้นตอนของการอัพเดตไดร์เวอร์ให้กับอุปกรณ์ต่างๆแบบ Manual
1. เมื่อติดตั้ง Windows จนเสร็จทุกขั้นตอนแล้ว ลองสำรวจดูในเครื่องของเราว่ายังมีไดร์เวอร์ตัวใดบ้างที่ยังไม่ได้ อัพเดตไดร์เวอร์ โดยคลิกขวาที่ My Computer -> เลือก Manage -> ที่พาเนลด้านซ้ายเลือก Device Manager
78202
2. ให้คลิกขวาที่ตัวอุปกรณ์แล้วเลือก Update Driver… (โดยในรูปตัวอย่างจะเป็นการอัพเดตไดร์เวอร์ให้กับแลนออนบอร์ดให้สามารถใช้ งานเน็ตเวิร์คหรืออินเตอร์เน็ตได้ ส่วนไดร์เวอร์ตัวอื่นๆก็ใช้วิธีทำแบบเดียวกันครับ)
78203
3. จะพบกับหน้าต่าง Hardware Update Wizard ให้เลือกการอัพเดตไดร์เวอร์เป็นแบบ Advanced ดังรูป
78204
4. ใส่เครื่องหมายถูกหน้าหัวข้อ Include this location in the search: เพียงตัวเดียว เพราะไดร์เวอร์ที่ได้แบ็คอัพไว้นั้น ถูกเก็บเอาไว้อยู่ในอีกไดรว์ของฮาร์ดดิสต์นั่นเองครับ แล้วคลิก Browse -> Next
78205
5. เลือกไปยังตำแหน่งโฟลเดอร์ปลายทาง ที่มีโฟลเดอร์ไดร์เวอร์ถูกเก็บไว้ แล้วคลิก OK
78206
6. คลิก Next เพื่อไปขั้นตอนต่อไป
78207
7. ถึงตรงนี้โปรแกรมกำลังทำการติดตั้งไดร์เวอร์ ให้รอสักครู่ครับ
78208
8. เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนของการอัพเดตไดร์เวอร์แบบ Manual แล้วครับ
78209
9. เมื่อกลับมาดูในส่วนของ Device Manager จะพบว่าไดร์เวอร์แลนออนบอร์ดได้ติดตั้งไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
78210
และทำการอัพเดตไดร์เวอร์ตัวอื่นๆต่อไปจนกว่าจะครบ แล้วรีสตาร์ทเครื่อง เมื่อเข้าวินโดวส์ใหม่ระบบก็จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแล้วครับ

ไร้ขีดจำกัดด้วย Hiren’s BootCD to USB Drive!!


เคดิต http://www.varietypc.net/web/hirens-boot-cd-to-usb-drive/

ขอบคุณครับ * *

ไร้ ขีดจำกัดด้วย Hiren’s BootCD to USB Drive!!

ช่วงนี้แฟลชไดรว์ราคาถูกลงเรื่อยๆนะครับ อาจจะเนื่องมาจาก มีจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นและเป็นที่แพร่หลายในหมู่นักเรียน, นักศึกษา และคนทำงานก็ยังต้องใช้ ต้องพกติดตัวกันอยู่ตลอดเวลา แต่อีกด้านสำหรับแผ่นบูตอเนกประสงค์อย่าง Hiren’s BootCD ณ วันที่ผมเขียนบทความมีถึงเวอร์ชัน 9.6 แล้ว จะบรรจุโปรแกรมยูทิลิตี้ต่างๆมากมายมาให้ในแผ่นเดียว และมีขนาดแค่ 100 กว่า MB เท่านั้น โดยโปรแกรมภายในก็จะมี DM (Ontrack Disk Manager), Partition Magic Pro 8.05, Norton Ghost 11.5, เครื่องมือสำหรับสแกนหา Bad Sector บนฮาร์ดดิสต์, เครื่องมือสำหรับสแกนไวรัส และอีกมากมาย พอมีเวอร์ชันใหม่ๆออกมาเราก็ต้องจับมาเขียนลงแผ่นซีดีซ้ำแล้วซ้ำอีก จนมีแผ่น Hiren’s BootCD สะสมไว้แทบทุกเวอร์ชันเลย และสิ้นเปลืองแผ่นด้วย แต่ถ้าไม่อยากจับไฟล์อิมเมจเหล่านี้มาไร้ต์ให้เปลืองแผ่นซีดีล่ะ เราก็จับมันมาลงไว้ในแฟลชไดรว์ซะเลย วิธีการทำก็ไม่ยาก ท่านสามารถทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ได้เลยครับ
โปรแกรมและไฟล์ที่ต้องนำมาใช้งานร่วมกัน
1.โปรแกรม UltraISO (ในที่นี้ผมใช้เวอร์ชัน 9.3.0.2600) Download
2.ไฟล์ extract-boot-files และโปรแกรม USB Disk Storage Format Download
3.ไฟล์อิมเมจ Hiren’s BootCD 9.6

วิธีการทำ
1.ติดตั้งโปรแกรม UltraISO แล้วดาวน์โหลดไฟล์+ก็อบปี้โฟลเดอร์ extract-boot-files และโปรแกรม USB Disk Storage Format ที่ดาวน์โหลดมา ลงไปที่ไดรว์ C แล้วตั้งชื่อเป็น Hiren’s BootCD ก็ได้
75501
2.ก็อบปี้ไฟล์อิมเมจ Hiren’s BootCD 9.6 มาเก็บไว้ที่โฟลเดอร์ดังรูป
75502
3.ดับเบิลคลิกไฟล์ Get_Boot_Files.cmd จะขึ้นดังรูปแล้วกด Enter
75503
4.จะได้โฟลเดอร์ใหม่เพิ่มขึ้นมานั่นก็คือโฟลเดอร์ USB
75504
5.ดับเบิลคลิกเพื่อเรียกใช้งานโปรแกรม USB Disk Storage Format
75505
6.ตั้งค่าตามรูป แล้วกดปุ่ม Browse เพื่อเพิ่มไฟล์ที่จำเป็นต้องใช้ในระบบดอส
75506
7.เลือกโฟลเดอร์ปลายทางเป็นโฟลเดอร์ USB ซึ่งภายในโฟลเดอร์นี้จะเป็นที่เก็บไฟล์ที่จำเป็นต้องใช้ในระบบดอส โดยถูกสร้างขึ้นจากขั้นตอนที่ 3 เสร็จแล้วกด OK
75507
8.กด Start -> Yes เพื่อเริ่มขั้นตอนของการฟอร์แมตแฟลชไดรว์ได้เลย
75508
9.หน้าต่างแสดงขั้นตอนหลังจากโปรแกรมทำการฟอร์แมตเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ
75509
10.เปิดหน้าต่าง USB ที่ไดรว์ C และเปิดไดรว์แฟลชไดรว์ขึ้นมาทั้ง 2 หน้าต่าง แล้วกดปุ่ม Ctrl + A เพื่อเลือกไฟล์ทั้งหมด ยกเว้น COMMAND.COM, IO.SYS, MSDOS.SYS แล้วก็อบปี้ไปใส่ไว้ในแฟลชไดรว์ดังรูป
75510
11.กลับมาที่โฟลเดอร์ BootUSB ดังรูป เพื่อแตกไฟล์อิมเมจ Hiren’s BootCD โดยคลิกขวาที่ไฟล์อิมเมจ -> เลือก UltraISO -> Extract to…
75511
12.เลือกโฟลเดอร์ปลายทางเพื่อแตกไฟล์ไปไว้ที่แฟลชไดรว์ แล้วกด OK
75512
13.แล้วรอจนกว่าโปรแกรมจะทำการแตกไฟล์อิมเมจ Hiren’s BootCD เสร็จเรียบร้อย ถึงขั้นตอนนี้ให้ใช้เวลาสักครู่
75513
14.เมื่อโปรแกรมทำการแตกไฟล์เสร็จแล้ว และเปิดแฟลชไดรว์ขึ้นมา จะพบว่ามีไฟล์ที่ต้องใช้ในระบบดอสเยอะแยะเลย
75514
และหลังจากนี้ท่านสามารถนำแฟลชไดรว์ที่ผ่านการทำตามขั้นตอนที่กล่าวมาไป ทดลองบูตเพื่อเรียกใช้งานโปรแกรมต่างๆที่อยู่ภายในได้เลยครับ
โดยขั้นตอนของการสั่งบูต ท่านสามารถเข้าไปปรับตั้งค่าเลือกการบูตในไบออสก็ได้หรือถ้าไม่อยากเข้าไบออ สไปปรับตั้งค่าให้ยุ่งยากซับซ้อน ในขั้นตอนของการเริ่มสตาร์ทระบบใหม่ให้เรียกใช้งานคีย์ลัด Boot Menu แทน ซึ่งเมนบอร์ดแต่ละยี่ห้อ จะใช้คีย์ลัดไม่เหมือนกันเช่น
เมนบอร์ด Asus, ECS ให้กด F8 แล้วเลือกไดร์ฟ Harddisk / USB Harddisk
เมนบอร์ด Asrock ให้กด F11 แล้วเลือกไดร์ฟ Harddisk / USB Harddisk
เมนบอร์ด Gigabyte ให้กด F12 แล้วเลือกไดร์ฟ Harddisk / USB Harddisk
แล้วจะพบกับเมนู Hiren’s BootCD ให้เรียกใช้งานดังรูปครับ
75515
ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.hiren.info
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง ทำ Hiren Boot USB กันดีกว่าครับ (v.9.7 Up)

เปิด โฟลเดอร์ของวินโดวส์ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม

 เคดิต http://www.varietypc.net/web/open-the-windows-folder-earlier/

ขอบคุณครับ * *

เปิด โฟลเดอร์ของวินโดวส์ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม

รองรับระบบ XP, Vista
เวลาที่เราเปิดโฟลเดอร์ที่มีโฟลเดอร์ย่อยจำนวนมากๆ (ประมาณ 500 โฟลเดอร์ขึ้นไป) ท่านรู้สึกไหมว่ามันเปิดได้ช้ามาก เพราะกว่าวินโดวส์จะแสดงผลได้ครบทั้งหมดก็กินเวลาไปกว่าสิบวินาทีแล้ว แต่ถ้าเปิดโฟลเดอร์ที่มีโฟลเดอร์จำนวนน้อยๆ ก็สามารถเรียกเปิดขึ้นมาได้ด้วยความเร็วปกติ
วิธีการทำต่อไปนี้จะช่วยให้ท่านสามารถเรียกเปิดโฟลเดอร์ได้เร็วขึ้นและ เรียกใช้หน่วยความจำแคชได้อย่างคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับเครื่องของท่านที่มีหน่วยความจำภายในเครื่อง 512MB แล้วอัพเกรดด้วยการเพิ่มหน่วยความจำเป็น 1GB หรือ 2GB ถ้าความจุน้อยกว่านี้ไม่แนะนำครับ และนอกจากนี้การทำ Defragment (จัดเรียงข้อมูล) ก็มีส่วนช่วยด้วยเช่นกัน
72201
1.คลิก Start > Run พิมพ์ Regedit แล้วกด Enter
2.เข้าไปยังโฟลเดอร์คีย์ต่อไปนี้ HKEY_CURRENT_USER > Software > Microsoft > Windows > ShellNoRoam
3.คลิกขวาที่คีย์ BagMRU Size เลือก Modify
4.ในช่อง Value data: ให้ใส่ค่าเป็น “1388” จากนั้นก็ปิดโปรแกรม แล้วรีสตาร์ทเครื่องใหม่ และหลังจากนี้วินโดวส์จะสามารถเปิดโฟลเดอร์ที่มีโฟลเดอร์ย่อยได้สูงสุดถึง 5000 โฟลเดอร์ได้ด้วยความรวมเร็วครับ
Note. วิธีการข้างต้นจะสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพกับเครื่องพีซีที่ติด ตั้งหน่วยความจำขนาด 1GB ขึ้นไปเท่านั้น เนื่องจากระบบจะสงวนหน่วยความจำไว้ส่วนหนึ่งสำหรับการเรียกเปิดโฟลเดอร์โดย เฉพาะ ซึ่งจะทำให้เหลือหน่วยความจำสำหรับงานอย่างอื่นน้อยลง

ล็อค ภาพหน้าจอเดสต์ทอป ป้องกันไว้ไม่ให้ใครมาเปลี่ยนแปลง


เคดิต http://www.varietypc.net/web/lock-desktop-wallpaper/

ขอบคุณครับ * *

ล็อค ภาพหน้าจอเดสต์ทอป ป้องกันไว้ไม่ให้ใครมาเปลี่ยนแปลง

สำหรับท่านที่มีภาพหน้าจอที่เป็นภาพสุดรักสุดหวงเช่น ภาพหวานใจ, ภาพกิ๊ก หรือภาพอันสุดโปรดปรานต่างๆเอามาทำเป็น Wallpaper แล้วเวลามีเพื่อนมายืมใช้เครื่องแต่ละครั้ง มักชอบมือไม้ซน โหลดภาพอื่นมาเปลี่ยน เราสามารถป้องกันความมือซนเหล่านี้ ด้วยการสั่งล็อคภาพ Wallpaper ไว้ซะเลย เพื่อไม่ให้ใครหน้าไหนมาเปลี่ยนได้ โดยมีวิธีการดังนี้
1.คลิกที่ปุ่ม Start > Run > พิมพ์คำสั่ง gpedit.msc
2.ที่เมนูด้านซ้าย คลิกเลือกไปยังรายการ User Configuration > Administrative Templates > Desktop > Active Desktop
3.ที่เมนูด้านขวา ดับเบิลคลิกเลือกหัวข้อ Active Desktop Wallpaper
69701
4.หน้าต่าง Active Desktop Wallpaper Properties จะถูกเปิดขึ้นมา แล้วตั้งค่าตามรูปเลย เสร็จแล้วให้กด Apply > OK
69702
หากต้องการดูผลที่เราได้เปลี่ยนแปลงค่าไปแล้ว ให้คลิกขวาที่หน้าจอเดสต์ทอปแล้วเลือก Properties > เลือกแท็ป Desktop จากรูป พบว่าเราหรือเพื่อนที่มาใช้งาน จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงภาพ Wallpaper บนหน้าจอเดสต์ทอปได้อีกต่อไปแล้วครับ
69703
Note. สำหรับท่านที่ใช้ Windows Vista ก็สามารถใช้วิธีนี้ได้ด้วย เพียงแต่ขั้นตอนการเรียกใช้งานจะแตกต่างกันนิดหน่อย ซึ่งในข้อที่ 2 ที่เมนูด้านซ้าย ให้เลือกไปที่รายการดังนี้ User Configuration > Administrative Templates > Desktop > Desktop และที่เมนูด้านขวา ให้ดับเบิลคลิกเลือกที่หัวข้อ Desktop Wallpaper และขั้นตอนถัดไปก็ใช้วิธีการปรับแต่งแบบเดียวกันครับ

ค้นหาและดาวน์โหลด MP3 ทั้งเก่า-ใหม่ มาฟังง่ายๆด้วย Googl


 เคดิต http://www.varietypc.net/web/search-and-download-mp3-with-google/

ขอยคุณครับ * *

ค้น หาและดาวน์โหลด MP3 ทั้งเก่า-ใหม่ มาฟังง่ายๆด้วย Google

สำหรับการดาวน์โหลดเพื่อหาไฟล์เพลง MP3 จากอินเตอร์เน็ต ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะใช้บริการ Search Engine อย่าง Google เป็นต้น บางท่านก็ใช้ชื่อคนร้อง บางท่านก็ใช้ชื่อเพลงตามด้วย .mp3 หรืออาจจะต่อท้ายชื่อเพลงด้วยคำว่า Download ด้วยก็มี อย่างน้อยก็ผมคนนึงแหละ อิอิ แต่สำหรับบทความนี้อาจจะช่วยทำให้ท่านหารายชื่อเพลงที่ท่านต้องการได้ง่าย ขึ้นอีกเยอะเลยก็ว่าได้ครับ
ขั้นตอนการทำ
1.เปิดเว็บไซต์ Google ขึ้นมา
2.พิมพ์ประโยคนี้ในช่องค้นหา ?intitle:index.of? [วรรค] mp3 [วรรค] ชื่อเพลง ตัวอย่างดังรูป
683013.เมื่อกดปุ่มค้นหา Google ก็จะโชว์ผลลัพธ์ที่ได้ออกมา แล้วคลิกเปิดลิงค์ที่ Google หาเจอด้วยการคลิกขวาที่ลิงค์แล้วเลือก Open in New Window เพื่อเปิดหน้าต่างใหม่
683024.ได้แล้ว เย้.. เว็บไซต์ที่ Google หาเจอ มีเพลงเพียบเลย หลังจากนี้ท่านสามารถคลิกเลือกเพลงที่ต้องการได้ตามสบายเลยครับ ยิ่งถ้ามีโปรแกรม Internet Download Manager ช่วยดาวน์โหลดด้วยแล้ว จะทำให้การดาวน์โหลดไฟล์เพลงต่างๆ ทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้นด้วยครับ
68303

สร้าง ไฟล์นำเสนอบน PowerPoint แบบเปิดแสดงที่ไหนก็ได้

 

เคดิต http://www.varietypc.net/web/create-file-powerpoint/

ขอบคุณครับ * *

สร้าง ไฟล์นำเสนอบน PowerPoint แบบเปิดแสดงที่ไหนก็ได้

68501สำหรับท่านที่กำลังเตรียมงานนำ เสนอบน PowerPoint ในที่ต่างๆ ส่วนใหญ่หลายๆท่านจะใช้วิธีการบันทึกไฟล์แบบปกติ เมื่อถึงเวลาที่ต้องนำเสนองานกับเครื่องอื่นๆก็ต้องกังวลอีกว่า เครื่องที่จะใช้เปิดไฟล์นำเสนอได้ติดตั้งโปรแกรม Microsoft Office มาด้วยหรือไม่ เปิดแล้วจะแสดงผลได้เหมือนกันกับที่เคยทำไว้ในเครื่องตัวเองไหม ปัญหาเหล่านี้จะทำให้งานพรีเซนต์ในวันนั้นๆกับความมั่นใจเกินร้อย ไม่ราบรื่นอย่างที่คิดก็ได้
68502
68503
แต่ด้วยวิธีการนี้จะทำให้ความกังวลต่างๆก่อนการนำเสนองานได้หมดไป เพียงแค่คุณเปลี่ยนการบันทึกไฟล์แบบปกติโดยใช้นามสกุลแบบ .ppt มาเป็นนามสกุลแบบ .pps (หรือถ้าใน Microsoft Office 2007 จะใช้นามสกุล .ppsx) ซึ่งเป็นนามสกุลของไฟล์แบบ PowerPoint Show ซึ่งไฟล์ตัวนี้ไม่จำเป็นต้องอาศัยโปรแกรม PowerPoint ในการเปิดด้วยครับ

จัด ระเบียบ Auto Start ของวินโดวส์ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม

เคดิต http://www.varietypc.net/web/organize-the-windows-autostart-faster-than-ever/

ขอบคุณครับ * *

จัด ระเบียบ Auto Start ของวินโดวส์ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม

สำหรับทริคนี้จะเป็นการจัดระเบียบการทำงานของแอพพลิเคชันที่เริ่ม ต้นกระบวนการบูตไปพร้อมๆกับวินโดวส์และไม่จำเป็นต่อระบบให้เหลือน้อยที่สุด ผ่านทางหน้าต่าง System Configuration Utility ครับ
+ ถ้าเป็น Windows XP ให้กด Start > Run > พิมพ์ msconfig แล้ว Enter
+ ถ้าเป็น Windows Vista ให้พิมพ์ msconfig ที่ช่อง Search ของเมนูสตาร์ทแล้ว Enter ได้เลยครับ
เมื่อเข้ามาที่หน้าต่าง System Configuration Utility ให้ใส่เครื่องหมายถูกหน้า Hide All Microsoft Services ตัวโปรแกรมก็จะโชว์เฉพาะ Service ที่ไม่จำเป็นต้องใช้และวินโดวส์ยังสามารถทำงานได้ โดยให้เอาเครื่องหมายถูกออกหน้าเซอร์วิสที่ไม่ต้องการให้ทำงานไปพร้อมกันกับ การบูตเข้าวินโดวส์เช่น โปรแกรม Nero, PowerDVD, ยูทิลิตี้ที่มากับไดร์เวอร์การ์ดจอ เป็นต้น
เสร็จแล้วกด Apply > OK ระบบจะให้รีสตาร์ทเครื่องเพื่อเริ่มการทำงานใหม่ เพียงเท่านี้การบูตเข้าวินโดวส์ในครั้งต่อไปก็จะเร็วขึ้นกว่าเดิมอีกคร้าบผม

ปิด การทำงานของ Windows XP ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม

 เคดิต http://www.varietypc.net/web/disable-the-windows-xp-faster-than-ever/

 ขอบคุณครับ * *

ปิด การทำงานของ Windows XP ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม

การปิดการทำงานของวินโดวส์ โดยปกติเราจะต้องใช้เวลารอประมาณ 20 วินาที เพื่อให้ทาสก์หรือ เซอร์วิสต่างๆที่ทำงานอยู่ได้ปิดตัวลง แต่ถ้าหากท่านไม่ต้องการที่จะรอก็สามารถทำให้วินโดวส์ปิดการทำงานของ เซอร์วิสต่างๆให้เร็วขึ้นกว่าปกติได้ โดยเข้าไปแก้ไขค่าในรีจิสตรี โดยใช้โปรแกรม Registry Editor ครับ
วิธีการทำ
1.ให้คลิก Start > Run > พิมพ์ Regedit
2.เข้าไปที่คีย์ HKEY_LOCAL_MACHINE > SYSTEM > CurrentControlSet > Control
3.ที่เมนูด้านขวา ให้ดับเบิลคลิกที่คีย์ WaitToKillServiceTimeout ที่ช่อง Value data: ค่าเดิมจะถูกกำหนดไว้ที่ 20000 (20 วินาที) ให้ใส่ค่าใหม่ตามต้องการ ในที่นี้ผมใส่ค่าเอาไว้ 8000 (หรือ 8 วินาทีนั่นเอง) แล้วกด OK (ค่าตรงนี้ท่านสามารถใส่ไว้ให้น้อยกว่านี้ได้ แต่ถ้าน้อยมากจนเกินไป เช่น 1-2 วินาที จะมีผลเสียกับทาสก์ที่กำลังทำงานค้างอยู่)
ถ้าหากหาคีย์ WaitToKillServiceTimeout ในข้อนี้ไม่เจอ ให้ท่านสร้างคีย์นี้ขึ้นมาใหม่ โดยคลิกขวาที่ช่องขวามือ เลือก New > String Value > แล้วใส่ชื่อคีย์ข้างต้นลงไป
4.เข้าไปที่คีย์ HKEY_CURRENT_USER?> Control Panel > Desktop
5.ที่เมนูด้านขวา ให้ดับเบิลคลิกที่คีย์ AutoEndTasks ที่ช่อง Value data: ค่าเดิมจะถูกกำหนดไว้ที่ 0 = Enabled ให้เปลี่ยนเป็น 1 = Disable (เพื่อไม่ให้วินโดวส์ฟ้องหรือแสดงคำถามขึ้นมา หลังจากสั่งให้วินโดวส์ปิดตัวเองลง แล้วเกิดความผิดพลาด) แล้วกด OK
เมื่อแก้ไขค่าดังกล่าวเสร็จเรียบร้อย ให้รีสตาร์ท เครื่องใหม่ แล้วสังเกตความเปลี่ยนแปลง

มาแบ็คอัพไดร์เวอร์เก็บไว้ ก่อนลงวินโดวส์ใหม่กันดีกว่า


เคดิค http://www.varietypc.net/web/driver-genius-professional/

ขอบคุณครับ * *

มา แบ็คอัพไดร์เวอร์เก็บไว้ ก่อนลงวินโดวส์ใหม่กันดีกว่า

พอดีผมไปค้นเจอนิตยสารเล่มนึงซึ่งบทความดังกล่าวได้ออกมานานแล้ว เป็นของ PCToday จะอธิบายเกี่ยวกับการแบ็คอัพไดร์เวอร์ของอุปกรณ์ต่างๆในเครื่องเก็บไว้ ในยามที่เราต้องการติดตั้งวินโดวส์เข้าไปใหม่ หากไม่มีแผ่นไดร์เวอร์หรือไม่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเพื่อดาวน์โหลด ไดร์เวอร์จากเว็บไซต์ผู้ผลิตได้ แนะนำให้ใช้วิธีนี้แบ็คอัพไดร์เวอร์ต่างๆเก็บไว้ก่อนที่จะฟอร์แมตและติดตั้ง วินโดวส์ครับ
พระเอกของเราที่จำเป็นจะต้องใช้ในบทความนี้ก็คือ Driver Genius Professional Edition v8.0.0.316
ขั้นตอนจะมี 2 ส่วนด้วยกันคือ เป็นการแบ็คอัพไดร์เวอร์ต่างๆเก็บไว้ (ก่อนที่จะถึงคราวจำเป็นหากจะต้องลงวินโดวส์ใหม่)
ส่วนที่ 1
1.หลังจากดาวน์โหลดและติดตั้งตัวโปรแกรมเรียบร้อย เมื่อเปิดขึ้นมาจะพบกับหน้าจอตามรูป
2.ให้ติ๊กเครื่องหมายถูกหน้าหัวข้อ Current Used Drivers เพื่อเลือกแบ็คอัพเฉพาะไดร์เวอร์ที่สำคัญ ซึ่งในส่วนของ Windows Original Drivers ตรงนี้ไม่ต้องใส่เครื่องหมายถูกก็ได้ เพราะในวินโดวส์ XP หรือ Vista มีไดร์เวอร์เหล่านี้ไว้ให้อยู่แล้ว และจะช่วยลดเวลาในการแบ็คอัพหรือเรียกขึ้นมาใช้งานได้เร็วขึ้นอีกด้วย
3.เสร็จแล้วให้กด Next >
4.ก่อนที่จะเริ่มขั้นตอนต่อไปให้เปิด My Computer แล้วสร้างโฟลเดอร์ใหม่ไว้ที่ไดร์ฟอื่นที่ไม่ใช่ไดร์ฟ C หรือไดร์ฟเดียวกันกับวินโดวส์ (ในที่นี้ผมสร้างโฟลเดอร์ไว้ที่ไดร์ฟ D แล้วกำหนดชื่อให้กับโฟลเดอร์ใหม่เป็น Driver Backup)
5.ต่อไปที่หัวข้อ Select the Backup type เป็นการกำหนดชนิดของไฟล์ที่ต้องการ จะมี 4 ตัวเลือกด้วยกัน ได้แก่
- Default = แบ็คอัพไดร์เวอร์เป็นชื่อของโฟลเดอร์ของไดร์เวอร์แต่ละอุปกรณ์
- ZIP Archive = แบ็คอัพไดร์เวอร์ทั้งหมดไว้เป็นไฟล์ *.ZIP
- Self-Extracting Archive = แบ็คอัพไดร์เวอร์ทั้งหมดไว้เป็นไฟล์ *.EXE
- Auto-Installer Archive = แบ็คอัพไดร์เวอร์ทั้งหมดไว้เป็นไฟล์ *.EXE และติดตั้งไดร์เวอร์ทั้งหมดแบบอัตโนมัติ
สำหรับท่านที่เป็นมือใหม่ในการแบ็คอัพและเรียกใช้งานไดร์เวอร์ ผมขอแนะนำให้เลือกแบบ Auto-Installer Archive ครับ เพราะถ้าเลือกเป็น Default จะเป็นเรื่องยุ่งยากเกินไปในการเรียกใช้งาน และจะต้องติดตั้งโปรแกรมนี้ก่อนเรียกใช้งานไดร์เวอร์ด้วย
6.ให้กด Browse… เพื่อกำหนดโฟลเดอร์ที่ต้องการแบ็คอัพไดร์เวอร์เก็บไว้
7.เสร็จแล้วให้กด Next > เพื่อเริ่มการแบ็คอัพ
8.ให้กด Finish แล้วปิดโปรแกรมได้เลย
ส่วนที่ 2 เป็นการเรียกใช้งานไดร์เวอร์ (หลังจากลงวินโดวส์ใหม่)
1.ให้เปิด My Computer ขึ้นมา เพื่อเข้าไปยังโฟลเดอร์ที่เราทำการแบ็คอัพไดร์เวอร์เก็บไว้ ให้ดับเบิลคลิกไฟล์ DriversBackup.EXE แล้วกด Start Restore เพื่อติดตั้งแบบอัตโนมัติได้เลย

เย้ เสร็จไปอีกหนึ่ง ถ้าหากภาพประกอบเยอะหรือละเอียดเกินไปต้องขออภัยด้วยครับ เราอยากให้ท่านที่ไม่รู้ได้รู้จริงๆ อิอิ ^_^”